Google Android ระบบปฏิบัติการที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก
ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกครั้งหลังเปิดตัวกันอย่างเป็นทางการแล้วกับ Android
เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด “L” ในงาน Google
I/O เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่มีการใช้ชื่อขนม ทาง Google เรียก Android เวอร์ชั่นนี้ว่า “L” สั้น ๆ เพียงอักษรเดียว
แต่มีสิ่งละอันพันละน้อยหลายอย่างมากมายทีเดียวที่ดูน่าสนใจ
เป็นการอัปเดตตัวระบบครั้งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้งานและการทำงานของเครื่องในระบบ
Android ให้น่าสนใจและมีความสามารถมากขึ้น ทั้งในด้านของ User
ผู้ใช้งานที่จะได้ประโยชน์จากอุปกรณ์ของตนได้มากขึ้น รวมทั้งด้าน Developer
ผู้พัฒนาก็จะมีการสนับสนุนการทำงานที่เข้าถึงตัวระบบได้ง่ายดายมากขึ้นเช่นกัน
Material Design
เริ่มกันตั้งแต่โฉมหน้าใหม่ การปรับปรุงดีไซน์หน้าตาการใช้งานให้เรียบง่ายด้วยแนวคิด
“ภาพบนกระดาษ” สบายตา ดูชัดเจน
แล้วเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น
ในด้านผู้ใช้และผู้พัฒนายังได้ประโยชน์ในเรื่องของการออกแบบกราฟฟิกเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลมากขึ้นเป็น
60 เฟรมต่อ แถมในอนาคตยังรองรับรูปแบบภาพ 3 มิติอีกด้วย
ฟังชั่นและฟีเจอร์
การพัฒนาฟังชั่นและฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้งานใหม่ ๆ
ที่ทาง Google เตรียมไว้ให้ใน Android จัดมาชุดใหญ่สิ่งที่น่าสนใจที่จะขอเอ่ยถึง
มีมาทั้งในด้านความสะดวก สบาย ปรับปรุงในด้านความสวยงาม
และพัฒนาในเรื่องของความปลอดภัยอีกด้วย
ด้านความปลอดภัย
- การสั่งงานล้างเครื่องจากระยะไกล
ในกรณีเครื่องสูญหายหรือโดนขโมย
- Google Play Service ระบบการอัปเดตเร่งด่วนที่จะปล่อย
Patch อัปเดตใหม่ในทันที เมื่อมีช่องโหว่อันตรายเกิดขึ้น
- การป้องกันแอพพลิเคชั่นอันตราย
ด้วยระบบที่จะตรวจจับและทดสอบแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่ทางผู้พัฒนาส่งเข้าไปใน Google
Play Store เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้
ด้านการใช้งาน
- หน้าการแจ้งเตือนแบบใหม่ที่เราสามารถจัดเรียงความสำคัญในการเรียงลำดับแสดงผล
และสามารถเข้าไปจัดการข้อมูลต่าง ๆ เหล่านั้นในหน้าแจ้งเตือนได้มากขึ้นกว่าเดิม
- หน้าการใช้งาน Recent App แบบใหม่ ซ้อนกันเป็นหน้า ๆ บนแอนนิเมชั่นที่สวยงาม
- ระบบปลดล็อกหน้าจอแบบใหม่
อ้างอิงจากพิกัดตำแหน่ง สถานที่ เมื่อเข้าสู่พื้นที่ตามที่ตั้งค่า
ตัวเครื่องจะปลดล็อกให้โดยอัตโนมัติ
- การใช้งานตัวเครื่องสำหรับการทำงานที่ผู้ใช้ต้องการจะแยกข้อมูลระหว่างการใช้อุปกรณ์ในชีวิตส่วนตัวและทางด้านธุรกิจออกจากกัน
โดยตัวเครื่องจะแยกพื้นที่จัดเก็บออกจากกันอย่างชัดเจน
โดยเราไม่ต้องพกพาอุปกรณ์หลายเครื่อง
- การเก็บเซฟเกมส์และข้อมูลสถิติการเล่นขึ้นระบบคลาวด์ทำให้เราสามารถเล่นเกมส์ต่อเนื่องกันได้เมื่อเปลี่ยนอุปกรณ์
โดยจะเก็บข้อมูลโดยอ้างอิงจาก ID ของผู้ใช้
- Project Volta ตัวช่วยจัดสรรการใช้พลังงานตัวใหม่
ยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในแต่ละวันให้ยาวนานยิ่งขึ้น
สำหรับนักพัฒนา
- API ชุดพัฒนาออกแบบให้ใหม่
และมีออกมาให้มากกว่า 5,000 APIs
- รองรับการทำงานบนมือถือระบบ 64 บิต แบบไม่ต้องแก้ไขซอร์สโค้ดใด ๆ
- รันไทม์ตัวใหม่ “ART” ไหลลื่นกว่าตัวเดิม
สามารถทำงานร่วมกับสถาปัตยกรรม ARM, X86 และ MIPS
- รองรับการใช้งานกับเครื่องที่จะมีหน่วยความจำมากขึ้นกว่าในปัจจุบันได้
เมื่อการเติบโตเริ่มต้นจากการพัฒนา Google
จึงได้ให้ความสำคัญกับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่น บนระบบแอนดรอยด์มากขึ้น
นอกจากนี้ก็ยังมีอะไรอีกเยอะแยะมากมาย เช่น ฟังชั่นการถ่ายภาพแบบเป็นชุด [Burst-Mode] ฟังก์ชั่นการระบุเวลาห้ามการแจ้งเตือนหรือรบกวน
หน้าการตั้งค่าแบบด่วนรูปแบบใหม่ หรือแม้แต่การรองรับการใช้งานอุปกรณ์ที่เป็น Bluetooth
4.1, Open GL ES3.1 และการเชื่อมต่อแบบ USB Audio สำหรับการใช้งานกับรถยนต์หรือเครื่องเสียงผ่านสาย USB
อุปกรณ์ใหม่และการทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์ใหม่ ๆ
Google ไม่ได้เดินหน้าในเรื่องการพัฒนาซอฟท์แวร์บนระบบแอนดรอยด์เพียงอย่างเดียวครับ
เพราะภายในงานมีการเปิดตัวอุปกรณ์หน้าใหม่
รวมถึงระบบการทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์หน้าใหม่อีกหลายตัวเลย
ซึ่งข้อมูลตรงนี้นับเป็นจุดไฮไลท์ก็ว่าได้ ก็เพราะแต่ละสิ่งที่ทาง Google จัดมาให้ ช่างโดนใจซะจริง ๆ เรียกว่ากะจะใส่ความเป็นแอนดรอยด์
มาให้แบบครบชีวิตมนุษย์เลยก็ว่าได้
Android One
เปิดตัวกันตั้งแต่หน้างานเลยครับ
กับสามาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของทาง Google ที่ออกมา
เพื่อตลาดล่างราคาประหยัดโดยเฉพาะ เพราะตัวเครื่องของ Android One นั้นคาดว่าจะมีราคาจำหน่ายต่ำกว่า 100 เหรียญ
หรือประมาณสามพันบาทเท่านั้น ที่สำคัญสามารถรองรับการอัปเดตและปรับปรุงระบบได้โดยตรงจากบริการของทาง
Google เอง คล้าย ๆ เครื่อง Nexus แต่ต่างกันตรงที่ทาง Google
อนุญาตให้มีการติดตั้งเซอร์วิสและแอพพลิเคชั่นของผู้จัดจำหน่ายลงไปในเครื่องได้ก่อนจะขาย
แต่ Google เป็นผู้ควบคุมราคาและสเปกให้เหมาะสม โดยสเปกคร่าว
ๆ ของ Android One จะต้องเป้นหน้าจอ 4.5 นิ้ว รองรับสองซิมการ์ด มีวิทยุ FM และสามารถใส่ SD
Card เพิ่มเติมได้ จะเริ่มผลิต
และเปิดตลาดในประเทศอินเดีย ก่อนจะวางจำหน่ายไปทั่วโลก
Android Wear
เทรนด์มันมาแรงต้องเข้าใจครับ
สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่กำลังฮิตกันไปทั่ว วันนี้ทาง Google จึงเปิดตัว
Android Wear ออกมาอย่างเป็นทางการถึงสามตัว
สามพันธมิตรผู้ผลิตนาฬิกาอัจฉริยะ นั่นคือ Samsung Gear Live, LG G Watch, และ Moto 360 โดยทั้งสามอุปกรณ์จะมีความสามารถในการแจ้งเตือน
ค้นหา และสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นใช้งานเพิ่มเติมได้ พร้อมทั้งปล่อย Android
Wear SDK ตัวเต็ม ๆ ให้กับนักพัฒนานำไปใช้แล้วด้วย เพราะวันนี้ Android
Wear อย่าง Samsung Gear Live และ LG G
Watch ก็เปิดให้จับจองกันผ่านหน้า Play Store และร้านค้าบางแห่งแล้วครับ
Android Auto
ระบบปฏิบัติการ Android สำหรับรถยนต์ที่สามารถทำงานร่วมกันกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต บนระบบแอนดรอยด์ได้ด้วย
ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่สั่งงานการทำงานในขณะขับรถ ด้วยคำสั่งเสียงผ่าน Google
Now และจอทัชสกรีน โดยมีความสามารถพื้นฐานในเรื่องการนำทางและรายงานสภาพการจราจรด้วย
Google Map การค้นหาที่จอดรถ บันทึกตำแหน่ง
แจ้งที่จอดรถผ่านสมาร์ทโฟน สามารถสั่งงานโทรออกรับสายได้ ฟังวิทยุออนไลน์
และใช้ฐานข้อมูลสื่อร่วมกันกับสมาร์ทโฟนที่เราถือได้ ซึ่งวันนี้มีผู้ผลิตรถยนต์ถึง
28 รายที่เข้าร่วม พร้อมจะนำ Android Auto ไปใช้งานบนรถยนต์ของเขาแล้ว
Android TV
Google ยังคงเดินหน้าที่จะเจาะกลุ่มตลาดผู้ใช้งานในครัวเรือนต่อไป
แม้จะออก Google TV มาแล้วก่อนหน้านี้
แต่ดูจะไม่เป็นที่ตอบรับในวงกว้างอย่างที่คาดหวัง วันนี้ Google จึงเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android สำหรับการใช้งานบน
TV อีก หนึ่งตัว
ซึ่งรองรับการทำงานและการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Now ที่เครื่องสมาร์ทโฟนของเราพร้อมทั้งรองรับการใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์หรืออุปกรณ์สวมใส่
Android Wear ในการสั่งงาน Android TV ได้
นอกจากนี้ยังรองรับคอนเทนต์จาก Play Store ที่เราเคยซื้อไว้
ไม่ว่าจะเป็นแอพ หนัง หรือเกมส์
โดยตัวเกมส์จะสามารถเล่นผ่านการควบคุมจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้
สามารถเล่นเกมส์ด้วยกันหลายคนได้พร้อมกันอีกด้วย
Google Chromcast
แม้ Google จะมีตัว Android
TV ออกมาใหม่ แต่ก็ยังไม่ทิ้งเจ้าอุปกรณ์เชื่อมต่อทีวีอย่าง Google
Chromcast ไปใหนนะครับ
ยังมีการปล่อยความสามารถใหม่ออกมาเพิ่มเติมภายในงานเช่นกัน
นั่นคือความสามารถในการแสดงผลแบบ Mirror Display จากอุปกรณ์ Android
ของเราเข้าสู่ TV ได้แล้ว
รวมทั้งการใช้งานผ่านการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ใกล้เคียงแบบไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อวงสัญญาณ
Wi-Fi ร่วมกันอีกต่อไป และความสามารถใหม่ “BackDrop”ส่งข้อมูลภาพจากมือถือสตรีมขึ้นไปแสดงบนจอทีวีได้
Google Fit
เทรนด์รักษาสุขภาพและการออกกำลังกายผลักดันให้ตอนนี้ทุก
ๆ ระบบหันมาพัฒนาการทำงานให้ตอบรับกับชีวิตมนุษย์ Google Fit คืออีกหนึ่งศูนย์รวมข้อมูลสุขภาพร่างกายของผู้ใช้ที่รองรับการทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์เสริมต่าง
ๆ ที่เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ในตอนนี้ เช่น Nike, Adidas รวมถึงอุปกรณ์
Wearable อื่น ๆ โดย Google Fit จะรวบรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่งข้อมูลจากอุปกรณ์ต่าง
ๆ มาแสดงให้เราทราบภายใน Google Fit ตัวเดียว
เหล่านี้คือสิ่งที่น่าสนใจสำหรับ Android
L และอุปกรณ์หน้าใหม่ที่มาเผยข้อมูลให้เรารู้ในงาน Google
I/O ครั้งที่ผ่านมา อีกครั้งในการก้าวกระโดดไกล ๆ ของ Android
ที่ผู้ใช้จะต้องลุ้นกันอีกแล้วว่า อุปกรณ์ในมือของพวกเรานั้นจะมีโอกาสมากน้อยสักแค่ไหนที่จะได้รับการอัปเกรดความสามารถเหล่านี้
ถ้าใครที่ได้รับการอัปเกรดสมใจก็เหมือนได้ของเล่นมาใหม่อีกชิ้นหนึ่งนั่นเองครับ
ภาพจาก : appdisqus.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น