วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

iOS 7 สรุปแล้ว ควรอัพหรือไม่ ?


          ผู้เขียนเคยเขียนเรื่อง iOS 7 ไปแล้ว 2 ครั้งทั้ง “เรื่อง iOS 7 ไอโฟนรุ่นเก่าอัพเกรดได้จริงหรือ” และเรื่อง “iOS 7 กับ 13 สิ่งใหม่ที่เพิ่มเข้ามา” วันนี้ขอเขียน iOS 7 อีกสักครั้ง คงไม่ว่ากันนะครับเพราะเมื่อคืนต่อเจ้า iPad mini กับเครื่อง PC แล้ว iTune แจ้งว่าสามารถอัพเดทเป็น iOS 7.0.3 ก็เลยอัพ [ของเดิมอัพจาก iOS 6.1เป็น iOS 7 ตั้งแต่ตอน iOS 7 ปล่อยให้อัพเกรดใหม่ๆ] ดูซิว่าจะเป็นยังไง ถ้าไม่ดีก็กู้คืนเครื่อง มีวิธีเดียว
          วันนี้ก็เลยจะมาเขียนถึงการอัพเกรด iOS7 กันอีกครั้งครับว่าควรจะอัพหรือไม่ควรจะอัพหลังจาก มีหน่วยกล้าตาย [รวมทั้งผู้เขียนด้วย] อัพกันไปก็มีการรายงานกันผ่านทาง Social Network ว่าทีปัญหาออกมามากมาย โดยเฉพาะกับ iPhone รุ่นเก่าหน่อย ส่งผลให้เครื่องช้าบ้าง ค้างบ้าง หรือบางคนก็ล่มกลางคันทั้งที่ยังอัพไม่ทันเสร็จ เรามาดูกันครับกรณีอัพเกรด iOS 7 กันสักนิดก่อนที่จะลงมือทำกันจริงๆ

     เครื่องรุ่นไหนอัพได้บ้าง ?

          ผมได้เขียนรายละเอียดของรุ่นที่อัพเกรดไปแล้วในบทความ “เรื่อง iOS 7 ไอโฟนรุ่นเก่าอัพเกรดได้จริงหรือ”กันไปแล้วคงจะไม่ลงรายละเอียดซึ่งสำหรับ iPhone 5C ที่เกิดมาพร้อม iOS 7 เลย ดังนั้นควรจะอัพเกรดได้แน่สำหรับ iPhone 5C แต่ iPhone รุ่นเก่าอย่าง iPhone 4 นี่สิ เพราะพลังซีพียูไปจน ถึงขนาดหน้าจอมีความแตกต่างจาก iPhone 5C ค่อนข้างมาก การที่สามารถอัพเกรดเป็น iOS 7 ได้ถือว่าน่าอัศจรรย์มากด้วยฮาร์ดแวร์ที่ต่ำเกินไป จึงเกิดผลกระทบตามมา

     อัพเป็น iOS7 แล้วช้าลงจริงหรือไม่ ?

          จากการทดสอบของหลายสำนักได้ทำการทดสอบ iPhone 5C ตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวแต่พบว่า iPhone 5Cไม่ช้าหรือหน่วงใดๆเลย แม้จะรันหลายคำสั่งพร้อมกันมากกว่า 15 คำสั่ง แต่กับ iPhone 5 ที่ใช้ฮาร์ดแวร์ตัวเดียวกันกับ iPhone 5C กลับพบปัญหาเครื่องหน่วงนิดหน่อย ซึ่ง Apple เองก็คงทราบและคาดว่าอนาคตคงจะปรับแต่งให้รันบน iPhone เก่าๆ ได้ดีกว่านี้แน่ ดังนั้นหากใครไม่รีบร้อนจะรออีกนิดโดยเฉพาะคนที่ถือiPhone 4 และ iPhone 4S  คงจะต้องคิดหนักหน่อย

     ปัญหาที่พบในการอัพใน iOS7

          นอกจากช้าแล้วยังมีอีกหลายข้อด้วยกัน อาทิ
          - เมนูรูปแบบใหม่ของ iOS 7 หลายคนไม่ชินและเกิดอาการวิงเวียน เนื่องจากการสลับคำสั่งไปมา มีการซูมเข้าซูมออก โดยที่เราไม่สามารถปิดเอฟเฟคได้เลย
          - ฟรอนต์อักษรไทยแบบใหม่ ซึ่งหลายคนไม่ชอบ
          - อัตราการกินไฟที่หนักขึ้นราว 10-15 %
          - บางปุ่มบางคำสั่งหายไป เช่น “Tweet” ในแถบการเตือน
          - แอพพลิเคชั่น บางตัวยังทำงานร่วมกับ iOS 7 ได้ไม่สมบูรณ์นัก โดยเฉพาะ App เล็กๆ ที่ไม่เป็น  ที่นิยมนัก [ส่วน Facebook, Line และ Tweeter ไม่มีปัญหาใดๆ คาดว่าเพราะเป็น App ใหญ่ที่พัฒนาร่วมกับทางApple ตั้งแต่เริ่มต้นนั่นเอง]
          - ความเสถียรยังไม่ดีนัก บางครั้ง เกิดอาการเด้งออกกลับสู่หน้าจอโฮม
          - ไม่สามารถดาวน์เกรดไปเป็น iOS 6 ได้ ณ วันที่เขียนบทความนี้ ทาง Apple ไม่อนุญาตให้ไอโฟน ที่ขยับสู่ iOS 7 มีโอกาสแก้ตัวกลับไปเป็น iOS 6 ครับ ผลที่ตามมาก็คือ หลายๆคน “เผลอ” อัพเดทสู่ iOS 7 ทั้งที่ยังไม่พร้อมบ้าง หรืออาจจะไม่รู้จริงๆ ว่ามันถอยกลับไม่ได้ สำหรับ iPhone 5 ยังไม่เท่าไหร่ เพราะสเปกของฮาร์ดแวร์ค่อนข้างใหม่ แต่ใครที่ใช้ iPhone 4 หรือ iPhone 4s ต้องคิดให้ดีๆ ก่อนอัพครับ

     วิธีการอัพเดท iOS7

          เมื่อเปรียบเทียบกับ Android หรือ Windows Phone แล้วต้องยอมรับครับว่าฝั่ง iOS สามารถอัพเกรดค่อน ข้างง่ายกว่าและก็มักจะทำพร้อมกันหรือเกือบพร้อมกันทั่วโลกด้วยวิธีการหลักๆ 2 แบบคือ
          - อัพผ่าน iTune บนคอมพิวเตอร์ด้วยการต่อไอโฟนของเราเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ลงโปรแกรม“iTune” ไว้ ต่อด้วยการเข้าคำสั่ง General > Software Update  แต่โปรแกรม iTune ก็ต้องเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดด้วยนะครับ
          - อัพผ่านมือถือโดยตรงหรือ OTA [Over the Air] วิธีนี้ง่ายและเร็วกว่าด้วยการเข้าไปที่คำสั่ง Setting > General > Software Update 
          ทั้งสองวิธีจะทำการดาวน์โหลด iOS 7 มาลงมือถือเราแบบออโต้ และไม่ว่าจะเลือกวิธีไหนก็ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ต่อด้วยการแก้ไขไฟล์ซิสเต็ม จึงมีข้อควรระวังเล็กน้อย

     ข้อควรระวังในการอัพ iOS7

          การอัพเกรดซอฟท์แวร์ใดๆ ก็ตามบนมือถือก็คือการแก้ไขไฟล์ซิสเต็มซึ่งมีความเสี่ยงดังนั้นจึงต้องเตรียมการสักนิดก่อนจะลงมือดังนี้
          1. ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม หรือย่างน้อยก็ควรจะมีไฟ 70 -80 % ขึ้นไป
          2. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้เร็วและเสถียร แนะนำว่าให้อัพเดทผ่าน Wi – Fi ครับ ไม่ควรอัพผ่าน 3G หรือ 4G
          3. หากอัพผ่าน iOS 7 ผ่านทางคอมพิวเตอร์ ควรใช้สาย USB ของแท้เท่านั้น
          4. พื้นที่ในไอโฟนของเราควรจะเหลือพื้นที่พอสมควรอย่างน้อยๆ ก็ 3-4 GB
          5. อย่าลืมสำรองข้อมูลต่างๆเก็บลง iTune บนคอมพิวเตอร์ หรือซิงค์ขึ้นบน iCloud เอาไว้ก่อน
          6. ถ้าอัพบนคอมพิวเตอร์ ควรเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สเปคสูงพอ เพราะการรัน iTune จะกินกำลังเครื่องค่อนข้างหนัก และระหว่างที่อัพเกรดก็อาจจะเลี่ยงการใช้งานโปรแกรมอื่นๆไปพร้อมๆ กันเพื่อความปลอด ภัย
          ถ้าเกิดเหตุการณ์เน็ตหลุดหรือคอมพิวเตอร์ค้างหรือไฟดับระหว่างอัพเกรดก็อาจจะส่งผลให้ไอโฟนของเราเปิดไม่ติดอีกเลยจึงต้องเตรียมการทั้ง 6 ข้อ ให้พร้อมสรรพก่อน

     คุ้มค่าน่าอัพหรือไม่ สำหรับ iOS7 ?

          สิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน iOS 7 ก็มีด้วยกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาเมนูแบบใหม่หมดใช้แล้ว อินเทรนด์กว่าใคร, ลูกเล่นใหม่ในกล้องถ่ายภาพ, การรันหลายคำสั่งจริง [Multitasking] ศูนย์รวมการเตือนที่ฉลาดกว่าเดิม เพิ่มลดคำสั่งลัดได้ แต่ทั้งหมดนี้ต้องแลกมาด้วยการทำงานที่ช้าลงไปนิด (หรืออาจจะช้าไปพอสม ควรเลยสำหรับ iPhone 4 หรือ iPhone 4S) และเมื่อรวมกับข้อเสียของ iOS 7 ที่ยังไม่สมบูรณ์นักใครที่ใช้งาน iPhone 5 อยู่และมีความสุขดีกับ iOS 6 ก็อาจจะยังไม่ต้องรีบรวมทั้งคนที่ใช้ iPhone 4และ iPhone 4S ด้วยอาจจะรอให้ทาง Apple ออก iOS 7.1/iOS 7.2 หรือเวอร์ชั่นแก้ไขไปสักระยะก่อนซึ่งก็คาดว่าจะอีกไม่นานนักเพราะมีคนรายงานปัญหามากมายเหลือเกิน
          หรืออีกตัวเลือกหนึ่งที่ไม่เลวก็คือ ถ้า iPhone 4S หรือ iPhone 4 ของเราเริ่มมีปัญหาฮาร์ดแวร์ เช่น ปุ่มโฮม กดยากและแบตเตอรี่เสื่อม นี่คือจังหวะดีที่จะกระโดดไปเป็น iPhone 5C  หรือ iPhone 5S ที่เกิดมาพร้อมกับ iOS 7 จากโรงงาน กว่าจะถึงวันที่สองรุ่นนี้เข้ามาขายในไทยอย่างเป็นทางการ วันนั้น iOS 7 ก็น่าจะเสถียรแล้วด้วยครับก็ค่อยตัดสินใจอีกที แต่ถ้าใครอยากจะลุยอัพ iOS 7 วันนี้ก็ไม่ว่ากัน ขอแค่อย่าลืมสำรองข้อมูล,ชาร์จไฟเต็มและต่อเน็ตดีๆระหว่างอัพก็

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น