ในที่สุดสมาร์ทโฟนราคาประหยัดจากโนเกียในซีรียส์
“X” ก็เปิดตัวออกมา หลังจากที่มีข่าวและภาพหลุดออกมาเป็นระยะ
ๆ ปกติแล้วมือถือราคา 4 – 5 พันบาท
ไม่น่าจะเรียกเสียงฮือฮาอะไรได้ ทว่า “X” จากโนเกียครั้งนี้แตกต่างออกไป
เพราะว่ามันรันบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิล
ย้อนความกลับไปสามปีเศษ หลาย ๆ คนอาจจะจำได้ว่า
ตอนนั้นผู้บริหารระดับสูงของโนเกียได้โต้ตอบนักข่าวอย่างดุเดือด
ว่าด้วยเรื่องแอนดรอยด์....“การที่โนเกียจะใช้แอนดรอยด์ก็ไม่ต่างอะไรจากการฉี่ใส่กางเกงตัวเองในฤดูหนาว
เพื่อให้อุ่น ๆ แค่ชั่วคราว !”
กลายเป็นประเด็นดราม่าใหญ่โตกันไป
แต่ใครจะเชื่อว่าหลังจากนั้นไม่ถึงสี่ปี ในเกียซึ่งถูกไมโครซอฟท์ซื้อไป
จะหันกลับลำ 180 องศา มาหาระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
ซึ่งเป็นคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง “กูเกิล” อะไรคือสาเหตุที่โนเกียยอมฉี่ใส่กางเกง
? และโนเกียแอนดรอยด์มีความแตกต่างหรือมีจุดขายที่พิเศษเหนือกว่าแอนดรอยด์ทั่วไปหรือไม่
?...มาลองคิดกัน
การล่มสลายของ Asha
แน่นอนครับว่าโนเกียตระกูล X ทั้งสามรุ่นมาแทนที่ Asha ด้วยราคาต่ำกว่า ห้าพันบาท
น่าจะเป็นเพราะว่าทุกวันนี้ยอดขายของ Asha ไม่ค่อยดีและ Asha
ก็ไม่มีอนาคต
ลองมองไปรอบ ๆ ตัวสังเกตว่าปัจจุบัน
แม้แต่มือถือราคา 3 – 4 พันบาท
ต่างก็รันระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์กันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมือถือแบรนด์จากเกาหลี
ญี่ปุ่น หรือแม้แต่มือถือจีน นัยหนึ่งก็แปลว่า เราจ่ายเงินแค่ 4 – 5 พันบาทก็สามารถโหลด App ฟรีดี ๆ ได้หลายพันหลายหมื่นตัวแถมยังใช้งานร่วมกับมือถือหลักหมื่นได้สบาย
แต่ Asha ทำไม่ได้ เพราะ Asha ยอดขายต่ำมาก
หากเทียบกับมือถือแอนตดรอยด์ราคาห้าพันบาทรวมกันทั้งโลก
ผู้พัฒนาโปรแกรมอาจจะมองว่า “ไม่คุ้มค่า ถ้าจะทำ
App ให้ Asha” ในราคาเท่า ๆ กัน
ถ้าซื้อโนเกียก็แปลว่ามันจะทำงานได้แค่โทรเข้าออกและเล่นเน็ตนิดหน่อย
แต่ถ้าซื้อซัมซุง หรือ LG ละก็ อย่างน้อยก็มี Facebook,
Line และอินสตาแกรมให้ใช้ แถม App ใหม่ ๆ
ก็ออกไวเพราะมันคือแอนดรอยด์อีกต่างหาก
จุดนี้จะเห็นได้ว่า ถ้าโนเกียยังปักหลักอยู่กับ Asha
ละก็ อาจจะต้องเสียตลาดล่างทั้งหมดให้กับผู้ผลิตเครื่องรายอื่นอย่าง
ซัมซุง, LG, โซนี่ หรือแบรนด์จีนอย่างแน่นอน
โนเกีย X ไม่ใช่แอนดรอยด์ ?
หลายคนสับสนว่าตกลงแล้วโนเกีย X ทั้งสามรุ่นคือแอนดรอยด์จริง ๆ หรือเปล่า ?
เพราะดูเหมือนว่าโนเกียจะไม่ได้พูดออกมาแบบเต็มปากเต็มคำเท่าไรว่า “เราใช้แอนดรอยด์แล้ว
!” ซึ่งตรงนี้ก็น่าจะเพราะแอนดรอยด์เป็นของกูเกิล
คู่แข่งหมายเลข 1 นั่นเอง
และโนเกียมองว่าตลาดผู้ใช้งานมือถือราคา 4 – 5 พันบาท
อาจไม่จำเป็นต้องรับรู้เรื่องระบบปฏิบัติการมากมายนัก
นอกจากนี้โนเกียยังปรับแต่ง “X” ของตนให้แตกต่างจากแอนดรอยด์ทั่วไปในตลาด อาทิ
- ตัด Google Play Store ทิ้ง
: แปลง่าย ๆ ก็คือ ผู้ใช้งานโนเกีย X จะไม่สามารถโหลด
App โดยตรงจากกูเกิลได้ ทว่าโนเกียจะใส่ “โนเกีย สโตร์”
เข้าไปแทน ซึ่งในนี้จะมีโปรแกรมที่โนเกียพัฒนาขึ้นมาเองแทน
- ไม่มี GAPPS : GAPPS ก็คือบรรดาโปรแกรมมาตรฐานของ
กูเกิล [Google Apps] ที่เราคุ้นเคยกัน ไม่ว่าจะเป็น
“กูเกิลแมป” หรือ “กูเกิลพลัส” และ “กูเกิลไดรฟ์” ทว่าทั้งหมดนี้จะถูกตัดทิ้งไป
แต่โนเกียจะพยายามเสริมโปรแกรมของตัวเองเพิ่ม อย่าง “Here Map” และ “สกายไดรฟ์” ของไมโครซอฟท์
- อินเตอร์เฟสเฉพาะตัว : โนเกียพยายามเลี่ยง ไม่บอกว่ามือถือตระกูลใหม่ของเราคือแอนดรอยด์
ดังนั้นสมาร์ทโฟนในกลุ่ม X ทั้งสามจึงครอบทับด้วยเมนูที่โนเกียสร้างขึ้นใหม่โดยหน้าตาจะคล้าย
Asha เดิม
สรุปง่าย ๆ สั้น ๆ ก็ต้องบอกว่า ถึงอย่างไร “X”
ก็ยังเป็นแอนดรอยด์อยู่ดี แต่ก็ต้องรอดูกันต่อละครับว่า การที่โนเกียตัดลูกเล่นสไตล์กูเกิลทิ้งไป
จะทำให้ลูกค้าพอใจหรือไม่ ?
ข้อเสียของโนเกียแอนดรอยด์ ?
แม้จะมีการขายไปแล้วสองรุ่น
แต่ก็เริ่มมีรายงานจุดด้อยของ X ทั้งสองตัวออกมากันบ้างแล้วครับ
โดยเฉพาะในแง่ของประสบการณ์การใช้งานและระบบปฏิบัติการที่ถูกปรับแต่งไม่ว่าจะเป็น
- การขาดโปรแกรมหลักชาวแอนดรอยด์คุ้นเคย
เช่นแผนที่ กูเกิลแมปและกูเกิลพลัส
- ไม่มี Google Play Store จึงโหลด
App ยอดนิยมบางตัวไม่ได้
- การทำงานของ App
บางอย่างไม่สมบูรณ์ ลองคิดภาพว่า สมมติเราไปโหลด App แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว
ซึ่งปกติจะเรียกกูเกิลแมปขึ้นมา แต่ถ้าเราใช้ App นั้นบนโนเกีย
X ละก็ ผลที่ได้ก็คือโปรแกรมจะปิดตัวเองลงไป
เพราะว่าในเครื่องไม่มีกูเกิลแมปนั่นเอง และโนเกียก็ไม่มีทางไล่พัฒนา App ทุกตัวให้ทำงานร่วมกับ Here Map แทนได้
- การอัปเวอร์ชั่นช้ากว่าแอนดรอยด์ทั่วไป
เพราะโนเกียต้องเป็นคนจัดการเรื่องเฟิร์มแวร์เองและยังต้องปรับแต่งให้เสถียรมากพอด้วย
- ผู้ใช้งานต้องหันมาใช้ล็อกอินของโนเกีย
เพราะว่า X ไม่มี “Google Play Store” นั่นเอง
ดังนั้นใครที่เคยซื้อโปรแกรมหรือทิ้งข้อมูลเก่า ๆ ไว้ในล็อกอินของกูเกิล [Gmail]
ก็จะไม่สามารถใช้งานร่วมกับ X ทั้งสามรุ่นได้
- การทำงานร่วมกับ App ใหม่
ๆ อาจมีปัญหา
เพราะเราไม่รู้ว่าการปรับแต่งระบบปฏิบัติการในทั้งสามรุ่น จะส่งผลอะไรต่อการติดตั้ง App
ในอนาคตบ้างหรือไม่ โดยเฉพาะ App ที่ต้องมีการซื้อขายจ่ายเงินในตัว
App อีกทีหนึ่ง เช่น
การซื้อสติกเกอร์หรือการซื้ออาวุธเครื่องป้องกันในเกม
นี่ยังเป็นแค่ข้อเสียในระดับ
“เบื้องต้น”เท่านั้น ต้องรอดูกันต่อไปยาว ๆ ครับว่า เมื่อ X ทั้งสามออกสู่ตลาดจำนวนมาก
ๆ แล้ว จะมีปัญหาระยะยาวใดเพิ่มอีกบ้าง ?
โนเกียจะเลิกทำวินโดวส์โฟนแล้ว ?
ชัดเจนเช่นกันว่าโนเกียจะยังไม่ทิ้งวินโดวส์โฟน
ซึ่งถือว่าเป็น “หัวใจ” ของไมโครซอฟท์ในตลาดอุปกรณ์พกพา หลักฐานก็คือ
แอนดรอยด์ทั้งสามรุ่นของโนเกียยังเป็นแค่กลุ่มประหยัดเท่านั้น
เหตุผลที่เซียนมือถือต่างประเทศให้ไว้ก็คือ
เพราะระบบวินโดวส์โฟนต้องการพลังซีพียูและแรมสูงทำให้โนเกียไม่สามารถใช้ระบบปฏิบัติการนี้ในมือถือราคา
4 – 5 พันบาทได้ อีกเหตุผลก็คือโนเกียและไมโครซอฟท์ได้ลงทุนพัฒนาระบบวินโดว์โฟนมากเกินกว่าจะถอยหลังหรือทิ้งมันแล้ว
ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่า
โนเกียจะไม่เอาแอนดรอยด์มารันในมือถือตลาดกลางถึงตลาดบนที่ราคาหลักหมื่นแน่เพราะเมื่อใดที่โนเกียทำแบบนั้น...มันคือการฆ่าวินโดวส์โฟนทิ้งทันทีเนื่องจากแอนดรอยด์มี
App และเกมส์มากกว่าวินโดว์โฟนหลายเท่า
แปลว่าใครที่ซื้อโนเกียลูเมียระบบวินโดวส์โฟนไปก่อนหน้าจะกลายเป็นว่าถูกทอดทิ้งนั่นเองครับ
ดังนั้นในปี 2014 นื้
คาดว่าโนเกียจะยังคงพัฒนาวินโดวส์โฟนต่อไปในกลุ่มราคา 10,000 – 20,000 บาท แต่ก็ไม่แน่ครับว่าถ้าหากตระกูล X เกิดขายดีถล่มทลายขึ้นมา
ในปีหน้าอาจจะต้องพิจารณานโยบายบริษัทกันใหม่
สำหรับเมืองไทยเรา
มีการยืนยันชัดเจนครับว่าโนเกียจะเอา X เข้ามาลุยแบบเต็มพิกัด
อย่างน้อยก็สองรุ่น โดยทำราคาต่ำกว่า 5 พัน
เหมือนที่เมืองนอก คนที่กำลังสนใจมือถือราคาเบา ๆ
หรือใครที่อยากได้แอนดรอยด์อีกสักเครื่อง
รวมไปถึงสาวกโนเกียที่กำลังรอคอยการกลับมาทวงบัลลังก์ ก็ได้เวลามอง “X” ทั้งสามรุ่นแล้วนะครับ แต่ในช่วงแรก ๆ
ทางผู้เขียนแนะนำว่าให้ติดตามอัปเดตข่าวสารดี ๆ และอย่าพึ่งคาดหวังว่า X ทั้งสามจะทำงานได้สมบูรณ์ 100 % เหมือนเช่นแอนดรอยด์เกาหลี
ญี่ปุ่นครับ
ที่มาและภาพ : pantip.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น